ผลงานอันย่ำแย่! เก้าอี้ร้อน! เกร็ดผลงานอันย่ำแย่ของ แลมพาร์ด
ผลงานอันย่ำแย่! เรียกได้ว่ายังเจอกับความกดดันอย่างต่อเนื่อง สำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี หลังจากล่าสุดพาทีมออกไปแพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา จนทำให้ในฤดูกาลนี้ “สิงโตน้ำเงินคราม” แพ้ในลีกไปแล้วถึง 6 เกม ทั้งที่เพิ่งเตะมาเพียง 19 นัดเท่านั้น
จริงอยู่ว่าการแพ้ เลสเตอร์ ในช่วงนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถึงขั้นโลกแตก เพราะพวกเขาทำผลงานได้ดีจนได้เป็นจ่าฝูงชั่วคราวจากชัยชนะนัดล่าสุด แต่ ทีมของ แลมพาร์ด ก็ผลงานย่ำแย่มาพักหนึ่งแล้วทั้งที่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาใช้งบเสริมทัพไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ จนได้นักเตะชื่อดังมาร่วมทีมหลายคน อย่างเช่น ติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวร์ทซ์ และ ฮาคิม ซีเย็ค
ทั้งนี้ นอกจากความปราชัยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาจะทำให้เก้าอี้ของ แลมพาร์ด สั่นคลอนมากขึ้นแล้วนั้น มันยังทำให้เกิดสถิติแย่ๆ หลายอย่างเกี่ยวกับการคุมทีมของตำนานกองกลาง เชลซี รายนี้ด้วย ชนิดที่ว่ามันคงจะไม่แปลกเลยถ้าเกิด โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีม เชลซี จะปลดเขาด้วยเหตุผลเหล่านี้ ลองไปดูกันหน่อยดีกว่าว่ามันมีอะไรบ้าง
– เกมเยือนเลวร้าย
ทริป 0 แต้มที่ คิง เพาเวอร์ ครั้งล่าสุดนั้น ถือเป็นการนำ เชลซี ลงเล่นเกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก นัดที่ 29 ของ แลมพาร์ด แต่เชื่อหรือไม่ว่าในจำนวนนั้นทีมของ แลมพาร์ด เสียประตูไปถึง 50 ลูกด้วยกัน ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็เพราะเขาถึงขั้นเคยโดน ลิเวอร์พูล ถลุงใส่ 5 ลูกในเกมที่แพ้ 3-5 ที่ แอนฟิลด์ รวมถึงเคยพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-4 ด้วย
ผลงานดังกล่าวตรงกับข้ามกับ เชลซี ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชลอตติ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ อย่างสิ้นเชิง เพราะทั้ง 3 คนนั้นพา เชลซี เสียประตูในนัดเยือนของเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ในช่วง 29 นัดแรกน้อยสุดๆ โดยรายของ อันเชลอตติ อยู่ที่ 29 ลูก ส่วน คอนเต้ อยู่ที่ 23 ประตู ขณะที่กรณีของ มูรินโญ่ นั้น เชลซี ภาคแรกของเขาเสียประตูในเกมลีกนัดเยือนในช่วง 29 เกมแรกเพียงแค่ 13 ลูก ส่วนภาคสองอยู่ที่ 27 ประตู
โอเค หลายคนอาจจะบอกว่าไม่ควรเอาทีมของ แลมพาร์ด ไปเทียบกับ 3 คนนั้น เพราะทั้งหมดเชี่ยวชาญเรื่องแท็กติกเกมรับในระดับหนึ่ง แต่ขนาด เชลซี ยุคของ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล กับ รุด กิลลิท ยังเสียประตูในลีกในนัดเยือนช่วง 29 นัดแรกที่ 46 ลูก กับ 45 ประตูตามลำดับ น้อยกว่าที่ แลมพาร์ด ทำเอาไว้ในตอนนี้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วง 29 นัดที่ผ่านมาที่ แลมพาร์ด นำทีมลงเล่นเกมลีกนอก สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้น ทีมของเขาก็เก็บคลีนชีทได้แค่ 5 นัด คิดเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เขาเป็นกุนซือ เชลซี ที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะในเกมเยือนในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร หากนับเฉพาะคนที่ได้คุมทีมลงเล่น พรีเมียร์ลีก ในเกมเยือนอย่างน้อย 10 นัดด้วย
– ไม่คงเส้นคงวา
สำหรับทีมใหญ่หรือทีมลุ้นแชมป์นั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการที่ต้องทำผลงานให้คงเส้นคงวา ไม่ใช่ชนะแค่นัดเดียวแล้วไปเสมอหรือแพ้ในอีก 2-3 นัดหลังจากนั้นอยู่บ่อยๆ น่าเสียดายที่ทีมของ แลมพาร์ด สะกดคำว่าคงเส้นคงวาไม่เป็นมานานแล้ว การที่ล่าสุดแพ้ เลสเตอร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งชนะ ฟูแล่ม มาได้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของเรื่องนั้น
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เชลซี ไม่ชนะเกม พรีเมียร์ลีก อย่างน้อย 2 นัดติดต่อกันมานานแล้วด้วย โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเก็บ 3 แต้มได้ติดต่อกันเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นพวกเขาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 ต่อด้วยถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-1 และทุบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0
– สู้ทีมระดับเดียวกันไม่ค่อยได้
หลายฤดูกาลก่อน พรีเมียร์ลีก จะมีทีมที่คนเรียกกันว่า “ท็อปซิกซ์” ซึ่งประกอบไปด้วย เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อาร์เซน่อล เนื่องจากพวกเขาเป็น 6 ทีมที่ดังที่สุดและมีผลงานเข้าใกล้กับการเป็นทีมลุ้นแชมป์ในหลายๆ ซีซั่น แต่ในฤดูกาลนี้มันมีมากกว่าแค่ 6 ทีมนั้นแล้ว เลสเตอร์ คือหนึ่งในตัวอย่างที่ดี ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน, เวสต์แฮม และ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจนถึงขั้นติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของตารางคะแนนในปัจจุบัน
แน่นอน ถ้าคุณจะบอกว่าตัวเองเป็นทีมในกลุ่มหัวแถวของตารางคะแนน หรือทีมลุ้นแชมป์แล้วนั้น คุณก็ควรจะดีพอที่จะเอาชนะทีมในระดับเดียวกันให้ได้ น่าเศร้าที่ในฤดูกาลนี้ แลมพาร์ด สามารถชนะทีมในกลุ่ม 10 อันดับแรกของตารางคะแนน (นับจนถึงตอนจบเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา) ได้แค่นัดเดียว นั่นคือเกมที่ชนะ เวสต์แฮม 3-0 แถมยังมีถึง 5 นัดที่ถึงขั้นแพ้เลย โดยนอกจากเกมกับ เลสเตอร์ ในนัดล่าสุด เชลซี ของเขาก็เคยพ่าย ลิเวอร์พูล 0-2, แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1, ปราชัยต่อ อาร์เซน่อล 1-3 และพ่าย แมนฯ ซิตี้ ด้วยสกอร์เดียวกับนัดแพ้ “ไอ้ปืนใหญ่” มาแล้ว
- อัพเดททุกข่าวสารของวงการกีฬาที่นี่ ufabetcontrol.com
- ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก www.siamsport.co.th