สุดสูสี!

สุดสูสี! เทียบผลงานเกมรุก ลิเวอร์พูล V แมนซิตี้

สุดสูสี! เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ ลิเวอร์พูล ต้องเปิดรัง แอนฟิลด์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ถือเป็นเกมใหญ่ระดับที่เกิน 5 ดาวก็ว่าได้ เพราะไม่ได้เป็นการดวลกันของ 2 ยอดทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นเกมที่จะมีความสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ด้วย

สุดสูสี!

แม้ว่าคะแนนในตอนนี้จะห่างกันในระดับหนึ่ง จากการที่ แมนฯ ซิตี้ นำหน้า ลิเวอร์พูล 7 แต้ม แถมยังลงเล่นน้อยกว่า 1 เกม แต่หาก “หงส์แดง” เอาชนะเกมนี้ได้จะตามหลังเหลือเพียง 4 แต้มโอกาสป้องกันแชมป์ยังพอมีให้พูดถึงได้

มองจากผลงานโดยรวมแล้วทั้ง 2 ทีมมีผลงานเกมบุกที่ไล่เลี่ยกันจนทำให้มีโอกาสที่เกมในวันอาทิตย์นี้จะมีประตูเกิดขึ้นหลายลูก ซึ่งเรามีสถิติในการเล่น พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่นนี้มายืนยันถึงเรื่องนั้น โดยตัวเลขนี้รวบรวมก่อนถึงเกมลีกในสุดสัปดาห์นี้

    จำนวนประตูที่น่าจะทำ

ก่อนถึงโปรแกรมสุดสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล ทำประตูในลีกไปแล้ว 43 ลูก มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ส่วน แมนฯ ซิตี้ ตามมาเป็นอันดับ 3 ร่วมที่จำนวน 39 ประตู จะเห็นได้ว่ามันสูสีกันมากๆ และหากเจาะลึกไปยังสถิติ “จำนวนประตูที่น่าจะทำได้” แล้วนั้น มันก็จะพบว่าทั้งคู่มีผลงานด้านนี้ไล่เลี่ยกันมากกว่าเดิมอีก

ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีผลงานด้าน “จำนวนประตูที่น่าจะทำได้” 39.9 ลูก ทำให้พวกเขาเป็นอันดับ 1 ในชาร์ตนี้ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ตามมาเป็นอันดับ 3 จากตัวเลข 37.1 ประตู โดยสถิติ “จำนวนประตูที่น่าจะทำได้” หมายถึงจังหวะการยิงที่ควรจะเป็นประตูเมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อย่างเช่นมุมการยิง, พลังของลูกยิง เป็นต้น

การที่ทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ทำประตูได้เกินกว่าตัวเลขด้าน “จำนวนประตูที่น่าจะทำได้” หมายความว่าเกมรุกของพวกเขาทำประตูได้มากกว่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าพักหลังแนวรุกของฝั่ง ลิเวอร์พูล จะจบสกอร์ได้น่าผิดหวังอยู่บ้างก็ตาม

    การบีบกดดันสูง

แม้ว่าการขึ้นเกมรุกส่วนใหญ่จะมาจากแดนหลังหรือตรงกลางสนาม แต่ถ้าคุณสามารถไล่กดดันคู่แข่งจนแย่งบอลมาได้ตั้งแต่ที่มันยังอยู่ในพื้นที่สุดท้ายของศัตรูแล้วล่ะก็มันก็จะทำให้คุณมีโอกาสทำประตูได้มากกว่าเดิม เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้ปากประตูของคู่แข่งแล้วนั้น การได้บอลมาครองทั้งที่อยู่ในแดนของคู่แข่งยังหมายความว่าอีกฝ่ายแทบจะไม่ทันตั้งตัวในการตั้งรับด้วย

สำหรับ ลิเวอร์พูล นั้น พวกเขาถือเป็นอันดับ 1  ในด้านนี้ของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2020-21 โดยพวกเขาแย่งบอลในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งมาครองได้ถึง 113 ครั้ง แต่ลูกทีมของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ได้น้อยหน้าเมื่อสามารถทำได้ 107 ครั้งเป็นอันดับ 2 ในชาร์ตนี้

    การผ่านบอล

ทั้ง คล็อปป์ และ กวาร์ดิโอล่า ได้รับการยกย่องว่าเป็น 2 กุนซือที่ทำให้ทีมมีเกมรุกไหลลื่นมากที่สุดคนหนึ่งของยุคนี้ โดยหลักๆ แล้วทีมของพวกเขาจะผ่านบอลกันได้อย่างแม่นยำชนิดที่คู่แข่งตัดบอลได้ยาก ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะครอง 2 อันดับแรกของชาร์ตการผ่านบอลเข้าเป้ามากที่สุดของลีกในซีซั่นปัจจุบัน โดยอันดับ 1 เป็นของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทำได้ 12,851 ครั้ง ส่วน ลิเวอร์พูล ตามมาติดๆ ที่ 12,615 หน

นอกจากนี้ แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่ผ่านบอลในพื้นที่สุดท้ายได้เข้าเป้ามากที่สุดที่จำนวน 3,303 ครั้งด้วย ขณะที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ดีพอๆ กันจึงอยู่ที่ 2 จากจำนวน 3,223 หน

ยิ่งไปกว่านั้น “เรือใบสีฟ้า” ยังเป็นทีมที่มีจังหวะสร้างโอกาสทำประตูสวยๆ ได้มากที่สุดเช่นกันจากการทำไปแล้วถึง 47 ครั้ง โดยมี “หงส์แดง” ตามมาเป็นที่ 2 ที่จำนวน 46 หน

ตารางเปรียบเทียบสถิติในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 (นับเฉพาะก่อนถึงสุดสัปดาห์นี้)

 ลิเวอร์พูล (อันดับเมื่อเทียบกับทุกทีม) แมนฯซิตี้ (อันดับเมื่อเทียบกับทุกทีม)
39.9 (1) ประตูที่น่าจะทำได้ 37.1 (3)
113 (1) การแย่งบอลพื้นที่สุดท้ายคู่แข่ง (ครั้ง) 107 (2)
12,615 (2) การผ่านบอลเข้าเป้า (ครั้ง) 12,851 (1)
3,223 (2) การผ่านบอลเข้าเป้าในพื้นที่สุดท้าย (ครั้ง) 3,303 (1)
46 (2) สร้างโอกาสทำประตูสวยๆ (ครั้ง) 47 (1)

 

 

 

  • ติดตามทุกข่าวสารของวงการกีฬาที่นี่  ufabetcontrol.com
  • ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก www.siamsport.co.th
new
new
ดำรงตำแหน่ง Senior Content Writer เขามีประสบการณ์ในการทำงานหลายปีกับบริษัทพนันยักษ์ใหญ่ของโลก ณัฐมีหน้าที่เขียนบทความเกี่ยวกับการวิเคราะห์การพนันในเชิงลึก แนะนำกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักพนันมือใหม่และพัฒนากลยุทธ์เพื่อช่วยให้มืออาชีพทำกำไรได้ตามเป้าหมาย เน้นข้อมูลกลยุทธ์การพนันที่น่าสนใจและสามารถใช้งานได้จริง โดยมีการทดลองความแม่นยำก่อนนำเสนอเนื้อหา บทความของเขาทั้งให้ความบันเทิงพร้อมทั้งสร้างประโยชน์ให้กับผู้อ่าน